คิดจะเป็นเกษตรกรต้องมีและรู้ไว้
1. อุดมการณ์ในการทำเกษตร หากคุณคิดจะทำเกษตรจริง คุณจะต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำ ไม่ใช่แค่อยากทำ หรือ ทำเพราะกระแส พอเจออุปสรรคที่หนักๆก็ถอดใจเลิกทำดื้อๆ หรือ หมดความอยาก หายอยาก ก็เลิกทำ
ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นได้แค่พวกอยากทำ แม้แต่เกษตรกรมือเก่าหรือที่ทำเกษตรอยู่ทุกวันนี้มีเป็นจำนวนมากที่ทำเพราะไม่รู้จะไปทำอะไร เป็นพวกจำยอม อายุมากแล้วไม่รู้จะไปทำอะไร เลยต้องทนทำกันไปอย่างนั้น ฝืนใจทำว่างั้น คนที่ทำเพราะแบบนี้จึงไม่รอด ไม่ประสบความสำเร็จ
2. องค์ความรู้ ก็คือคุณต้องมีความรู้ที่ถูกต้อง จึงจะลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตได้ สามารถพัฒนาต่อยอดได้ ถ้าไม่มีองค์ความรู้จะพัฒนาได้ยาก เกษตรกรส่วนใหญ่จะขาดสิ่งนี้ ความรู้ที่ได้มักมาจากพวกเซลล์ขายปุ๋ย ขายยา นักวิชาการ ของพวกบริษัทขายสินค้าเกษตร ทำไปๆพวกบริษัทปุ๋ย บริษัทยา เซลล์ขายปุ๋ย ขายยา ร้านขายปุ๋ย ขายยา รวยเอาๆ แต่เกษตรกรจนลงๆมีแต่หนี้
3. ประสบการณ์ การทำเกษตรต้องลงมือทำจริง ต้องใช้เวลา ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเข้าแลก ต้องรู้จักเรียนรู้ ช่างสังเกต จึงจะเกิดประสบการณ์ขึ้นมา การทำเกษตรไม่ใช่มาจากจินตนาการ การเพ้อฝันหรือยึดแต่ตำรับตำราอย่างเดียว
มันต้องลงมือทำจริง ปฏิบัติจริง อยากรู้จักเรื่องเกษตรจริงๆแหล่งเดียวที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรได้ถูกต้องอย่างแท้จริงและมีประสิทธิภาพคือ ต้นไม้ สัตว์ จงฟังและสังเกตต้นไม้ สัตว์ของท่าน ต้นไม้ สัตว์ เท่านั้นที่จะบอกว่าควรทำอย่างไร เมื่อไหร่ที่คุณเรียนรู้สิ่งที่ต้นไม้ สัตว์ของคุณเขาสื่อออกมา คุณจะไม่มีวันทำเกษตรล้มเหลว
ดังนั้นผู้จะทำเกษตรต้องมี 3 สิ่งนี้ เราลองประเมินตัวเองดูว่าที่ทำไม่สำเร็จเพราะอะไร มีสามสิ่งนี้รึเปล่า คิดทำเกษตรจริง ทำให้สำเร็จ ต้องเลิกทำตามกระแส โดยเฉพาะกระแสที่ถูกปั่น ต้องทำสวนกระแส คนที่ทำเกษตรเพราะตามกระแส ยิ่งเป็นกระแสที่ถูกปั่นขึ้นมา คุณเตรียมตัวเจ๊งได้เลย มันไม่ต่างจากการเล่นหุ้นที่ถูกปั่นขึ้นมา เป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ออกตัวไม่ทันก็เจ๊งมานักต่อนัก วงการเกษตรก็มีสิ่งนี้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นคุณต้อง - เลิกทำตามกระแส คือไล่ทำตามเขา ต้องทำสวนกระแส อะไรแพงอย่าปลูก อย่าเลี้ยง คนจะปลูก จะเลี้ยงกันมากในที่สุดมันจะถูก เพราะของจะออกมาล้นตลาด ราคาก็จะตกลงมาตามกลไกของตลาด นี่คือพื้นฐานของเศรษศาตร์ - อะไรถูกให้ปลูกหรือเลี้ยงอย่างนั้น
เพราะคนจะไม่สนใจทำ ไอ้ที่มีอยู่ก็จะโค่นทิ้ง เลิกเลี้ยง แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า สิ่งนั้นต้องมีคุณค่าจริงๆ คือเป็นสิ่งที่คนใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เป็นสิ่งที่คนกินในชีวิตประจำวัน นำมาใช้สอยได้หลากหลาย แปรรูปได้ ซึ่งพวกที่ถูกปั่นกระแสขึ้นมามักจะไม่มีสิ่งนี้ ยามราคาตกจึงเป็นของไร้ค่า ราคาไม่ขึ้นอีกเลย
แต่ของที่มีคุณค่าในตัวเองจริงๆ ราคาจะขึ้นลงตามภาวะตลาด ตามฤดูกาลของมันเป็นปกติธรรมดา - ไม่เน้นปริมาณ เน้นคุณภาพ ( ทำน้อยได้มาก ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และเทคนิควิธีอันเกิดจากองค์ความรู้ที่ถูกต้อง ) - กินผักผลไม้ตามฤดูกาล ( ราคามันถูก) แต่ทำขายนอกฤดูกาล( ราคาจะดี ไม่ค่อยมีปัญหาด้านตลาด ) - อย่าเน้นทำขาย แต่เน้นทำกินก่อน
ใครทำเกษตรแล้วต้องซื้อพืชผักสวนครัวกิน ถือว่าล้มเหลวในอาชีพเกษตร - ทำเกษตรผสมผสาน อย่าเน้นทำเกษตรเชิงเดี่ยว เพราะพืชต้องการความหลากหลายทางชีวภาพ ป่าที่สมบูรณ์คือป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ คือ มีต้นไม้และสัตว์หลากหลายชนิดอยู่ในป่านั้นเพราะต่างพึ่งพาอาศัยกันและกัน
เราจึงทำเลียนแบบธรรมชาติ เสริมการจัดการอย่างถูกต้อง ชีวิตเกษตรกรที่มั่นคงคือ มีที่ดินทำกิน ไม่ใช่ขายที่ดิน ไม่ก่อหนี้สิน มีของกินในที่ดินตัวเองให้มากชนิดที่สุดจะลดรายจ่ายได้ เพราะคนเราต้องกินทุกวัน อย่ากังวลที่จะไม่มีรายรับเพียงพอ แต่จงกังวลที่ชีวิตคุณวันๆนึงมีแต่รายจ่ายอยู่รอบตัวคุณ
นี่คือสิ่งที่คนทำเกษตรหรือคิดจะทำควรมีและเรียนรู้ไว้ " เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาอาหารต่างหากคือของจริง "
ขอบคุณบทความจาก อ. ทอง ธรรมดา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น